วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สัตว์ที่มีพฤติกรรมหลับนานที่สุด!!

         สัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตสำคัญในระบบนิเวศ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของสัตว์เหล่านี้แตกต่างกันออกไป โดยสัตว์บางชนิดอาจนอนหลับเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ในทางตรงกันข้าม สัตว์บางชนิดก็สามารถเคลิ้มหลับไปตลอดทั้งวันโดยไม่ทำอะไรเลย และเพื่อให้ได้รู้จักกับพฤติกรรมของมีชีวิตอันหลากหลายบนโลกใบนี้วันนี้จึงได้นำข้อมูลของสัตว์ที่มีพฤติกรรมหลับนานที่สุดมาฝากกัน

โคอาลา (Koala) สำหรับเจ้าสัตว์ป่าน่ารัก ๆ ตัวนี้ ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่นอนเก่งเอามาก ๆ โดยโคอาล่าจะใช้เวลานอนเกือบ 22 ชั่วโมงต่อวัน และจะตื่นขึ้นมาเพียง 2 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อกินอาหาร หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ โคอาลามักถูกพบในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของออสเตรเลีย และแทสเมเนีย โดยโคอาลาตัวเมียที่มีสุขภาพดีมาก ๆ จะสามารถออกลูกได้ 1 ตัวต่อปี ในตลอดช่วงเวลา 12 ปี ทั้งนี้ โคอาลาจะกินใบยูคาลิปตัสเป็นอาหาร

สลอธ (Sloth) สำหรับเจ้าตัวนี้ หลายคนมักเรียกว่า ตัวเฉื่อยชา เพราะนอกจากจะเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าแล้ว สลอธยังนอนนานถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งนี้ สลอธเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดกลางที่กินแมลง สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก และนก เป็นอาหาร แต่ส่วนใหญ่สลอธจะนิยมกินใบอ่อน หรือยอดอ่อนของพืช เสียมากกว่า ส่วนถิ่นที่อยู่อาศัยนั้น คือ ป่าดิบชื้นของอเมริกากลาง และอเมริกาใต้

ตัวนิ่ม (Armadillo) สำหรับเจ้าสิ่งมีชีวิตหน้าตาคล้าย ๆ หนู แต่มีเปลือกแข็งเป็นเกราะป้องกันตัวนี้ ถือเป็นสัตว์อีกชนิดที่มีช่วงระยะเวลาในการนอนยาวนานกว่าสัตว์ทั่ว ๆ ไป โดยตัวนิ่มจะใช้เวลานอนถึง 19 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว ทั้งนี้ เรามักพบตัวนิ่มในรัฐต่าง ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา อาทิ เทกซัส เซาท์แคโรไลนา และฟลอริดา


โอพอสซัม (Opossum) นอกจากจะเป็นสัตว์ที่ขี้กลัวที่สุดในโลก เพราะจะแกล้งตายทุกครั้งที่เจออันตราย โอพอสซัมยังเป็นสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องที่ใช้เวลานอนนานถึง 19 ชั่วโมงต่อวัน และจะตื่นขึ้นมาเพียง 5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น




ลีเมอร์ (Lemur) สัตว์ตระกูลลิงที่อาศัยอยู่ในมาดากัสการ์พันธุ์นี้ อาจดูไม่เหมือนสัตว์ที่แสนขี้เกียจเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะหน้าคล้ายสุนัขจิ้งจอก มีขนหนาฟูและยาวเป็นพวงเหมือนกระรอก แถมยังคล่องแคล่วมากเวลาหากินอีกต่างหาก แต่เวลามันจะนอนเจ้าลีเมอร์นี้จะสามารถหลับได้นานถึง 16 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว




แฮมสเตอร์ (Hamster) ถ้าใครเคยเลี้ยงแฮมสเตอร์ คงรู้ดีว่ามันแทบไม่เคยโผล่หัวออกมาให้เห็นเลยนอกจากเวลาที่มันหิว ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะมันเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่จัดว่านอนนานที่สุด โดยจะใช้เวลานอนประมาณ 15-16 ชั่วโมงต่อวัน






กระรอก (Squirrel) เจ้าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ น่ารักนี้ ใช้เวลานอนยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ปกติเรามักจะเห็นกระรอกปีนป่ายต้นไม้ไปมาอย่างคึกคัก แต่แท้จริงแล้วกระรอกใช้เวลานอนถึง 14 ชั่วโมงต่อวัน กระรอกเป็นสัตว์ที่มีถิ่นอาศัยในทุกส่วนของโลก และในปัจจุบันยังมีผู้ที่นิยมเลี้ยงกระรอกเป็นสัตว์เลี้ยงอีกเป็นจำนวนมาก


แมว (Cat) สัตว์เลี้ยงสุดฮิตที่นิยมกันทั่วทุกมุมโลก ไม่น่าเชื่อว่าแมวจะติดโผรายชื่อนี้กับเขาด้วยเช่นกัน โดยพบว่าแมวจะใช้เวลานอนถึง 13 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว





หมู (Pig) คนส่วนใหญ่มักจะเห็นแต่ภาพหมูกินอาหาร เพราะหมูได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ที่กินจุมาก แต่รู้กันไหมเอ่ย ว่าหมูใช้เวลานอนถึง 13 ชั่วโมงต่อวัน เทียบเท่ากับแมวเลยทีเดียว




ตัวกินมดหนาม (Spiny Anteate) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เออคิดนา (Echidna) ตัวกินมดหนามมีรูปร่างคล้ายกับเม่นตัวเล็ก ๆ มีขนหยาบ และขนหนาม ในบ้านเราอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตากับเจ้าสัตว์ชนิดนี้กันเท่าใดนัก ตัวกินมดหนามมีถิ่นที่อยู่อาศัยในเกาะนิวกินี และประเทศออสเตรเลีย พวกมันจะใช้เวลานอนประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน จึงติดโผสัตว์ที่ใช้เวลานอนนานที่สุดของโลกนั่นเอง



       แม้ว่าพวกมันจะใช้เวลาในการนอนนานเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นสัตว์ขี้เกียจนะคะ ส่วนสาเหตุที่ต้องนอนนาน ๆ คาดว่าเป็นเพราะกลไกการทำงานในร่างของสัตว์แต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน จึงทำให้พวกมันจำเป็นต้องพักผ่อนด้วยเวลาที่ไม่เท่ากันนั่นเองจ้า

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้องแมว

      คนรักแมวทั้งหลายเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าอัศจรรย์ แต่คุณรู้ไหมว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าทึ่งกว่าที่คุณคิดเสียอีก ถ้าคุณอ่านเรื่องน่ารู้สำหรับแมวนี้แล้วคุณจะรู้จักแมวของคุณได้ดีขึ้นและมีความภาคภูมิใจมากขึ้นอีกที่ได้เป็นเจ้าของแมว

  • แมวมีสมองที่ใกล้เคียงกับคุณมากกว่าสุนัข สมองของคนและแมวมีส่วนของสมองที่แสดงออกถึงอารมณ์เหมือนกัน
  • แมวใช้เวลากว่า 30% ในช่วงที่เขาตื่นเลียขนทำความสะอาดตัวเอง
  • โดยเฉลี่ยแล้วแมวใช้เวลา 2 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน นั่นหมายถึงแมวที่มีอายุ 12 ปี เขาตื่นเพียง 4 ปีเท่านั้น
  • แมวที่มีขนขาวบริสุทธิ์และตาสีฟ้า มักจะหูหนวก
  • การลูบไล้จะช่วยลดความดันโลหิตได้ 
  • เสียงครางในลำคอของแมวไม่ได้หมายความว่าแมวมีความสุขเสมอ บางครั้งทำเสียงครางเบาๆก็เพื่อปลอบใจตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บหรือหวาดกลัว
  • ถ้าแมวเพศเมียได้ผสมกับแมวเพศผู้หลายตัวในการเป็นสัดครั้งหนึ่ง ลูกแมวในครอกนั้นอาจมีคนละพ่อกันได้
  • แมวตั้งท้องประมาณ 62 - 65 วัน นับจากวันที่ผสมจนถึงวันคลอด
  • แมวมีความไวต่อแรงสั่นสะเทือนสูงมาก ดังนั้นแมวจะได้รับสัมผัสแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวได้ก่อนมนุษย์ 10 - 15 นาที
  • แมวตัวเมียจะเรียกกันทั่วไปว่า ควีนหรือมอลลี่ และแมวตัวผู้เมื่อทำหมันแล้วจะถูกเรียกว่า กิ๊บ
  • ฉี่ของแมวจะเรืองแสง เมื่อถูกส่งด้วยแสงแบล๊คไลท์
  • โดยปกติแมวจะไม่ร้องเสียงเหมืยวใส่แมวตัวอื่น จะร้องเสียงนี้ใส่คนเท่านั้น แต่จะทำเสียงครวญครางและเสียงขู่ใส่แมวตัวอื่น
  • แมวที่แพงที่สุดที่เคยทำสถิติไว้ คือแมวที่ทำโคลนนิ่ง จากแมงที่มีอายุมาก ซึ่งมีราคาถึง 50,000 เหรีญสหรัฐ
  • แมวเพศเมียมักถนัดใช้มือขวา ส่วนแมวเพศผู้มักถนัดซ้าย
  • แมวตัวเมียเป็นสัดได้หลายครั้งใน 1 ปี การเป็นสัดแต่ละครั้งนาน 4 - 7 วันหากได้รับการผสม ไม่เช่นนั้นแล้วการเป็นสัดก็จะนานวันไปอีก
  • แมวที่พบว่ามีอายุมากที่สุด คือ 38 ปีแมวส่วนใหญ่สุขภาพดีอยู่ได้ถึง 20 ปี
  • แมวสามารถลอดช่องว่างเล็กเท่าไหร่ก็ได้ตราบใดที่หัวผ่านได้เพราะแมวไม่มีกระดูกไหปลาร้า
  • แมวส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำเพราะขนของเขาไม่สามารถป้องกันความร้อน-เย็นได้เมื่อเปียก แต่แมวบางพันธุ์ชอบว่ายน้ำมากเพราะขนของเขาค่อนข้างกันน้ำ
  • แมวชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจเพราะผู้หญิงมีเสียงที่สูงกว่า
  • ไม่ควรเลี้ยงแมวด้วยปลาทูน่าติดต่อกันนานเกินไป เพราะปลาทูน่าไม่มีสารทอรีน และจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้
  • ถ้ามีน้ำให้กินได้อย่างพอเพียง แมวสามารถทนอยู่ในที่ร้อนๆได้ถึง 50 องศาเซลเซียส
  • แมวตอบสนองต่อเสียงหรือชื่อที่ลงท้ายด้วยเสียงสระ อี ได้ดีกว่าเสียงอื่น
  • แมวไม่มีต่อมเหงื่อ ยกเว้นที่อุ้งเท้า
  • แมวทำเสียงต่างๆได้ประมาณ 100 เสียง ในขณะที่สุนัขทำได้แค่ 10 เสียง
  • ถ้าจะทำหมันแมวตัวเมียควรจะทำก่อนที่จะเป็นสัดครั้งแรกหรือครั้งที่สอง จะช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งที่เต้านมและโรคทางเดินปัสสาวะ
  • ควรทำหมันแมวตัวผู้ก่อนที่เขาจะรู้จักวิธีพ่นปัสสาวะใส่สิ่งของ เพราะส่วนใหญ่จะสามารถลดการทำเช่นนั้นได้ และยังช่วยลดปัญหาการทะเลาะกับแมวตัวผู้อื่นๆด้วย
  • แมวจะสร้างอาณาเขตของตัวเองโดยการถูต่อมกลิ่นที่อยู่บนหน้า อุ้งเท้า และหาง กับตัวคนเรา เป็นการบอกให้แมวตัวอื่นรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นสมบัติของเขา
  • แมวจะไม่ลงจากต้นไม้โดยเอาหัวลง แต่จะถอยหลังลงเพราะตำแหน่งของเล็บที่อุ้งเท้าไม่อำนวยให้เข้าทำเช่นนั้น
  • ถ้าแมวเอาหน้าเขาไปถูกับตัวคุณ แปลว่าเขายอมรับและแสดงความรักกับคุณ
  • ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แมวสีดำถือว่าเป็นลางไม่ดี แต่ในประเทศอังกฤษและออสเตรเลียถือว่าให้โชค







    วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557

    เรื่องยุ่งๆของ "ยุง" ที่คุณอาจไม่เคยรู้

              ถ้าจะมีแมลงอะไรสักอย่างที่ใกล้ชิดสนิทกับมนุษย์ละก็คงต้องยกให้ "ยุง" เลยละค่ะ นอกจากจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ยังมีสารพัดโทษ ว่าแล้วก็มารู้จักเรื่องยุ่งๆ ของเหล่ายุงทั้งหลาย ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนดีกว่า




    กลิ่นช็อคโกแลตทำให้ยุงงุนงง

    เป็นที่ทราบกันดีว่ายุงนั้นเป็นแมลงดูดเลือดที่ตามล่าหาเป้าหมายด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ออกมาจากหายใจของเรา ซึ่งกลิ่นนี่เองที่ทำให้ยุงตื่นเต้นและค้นหาเป้าหมายของมันได้ง่ายและเร็วขึ้นนั้นเอง ซึ่งนักวิจัยสหรัฐฯ ได้แนะนำให้ลองทานใบมิ้นต์ และผลไม้บางอย่างที่มีกลิ่นฉุน หรือช็อคโกแลตแท้รสขมๆ ดูสิ เพราะกลิ่นของอาหารดังกล่าว สามารถป่วนเซ็นเซอร์ตรวจจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของยุงได้ ทำให้พวกมันลังเลที่จะเข้ามาดูเลือดของเรา

    ทำไมยุงต้องบินตอมที่หู

    จริงๆ แล้วยุงส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตั้งใจมาบินตอมหูของคนเราหรอกนะ แต่เพราะเมื่อยุงตามกลิ่นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ออกมาจากจมูกและปากของเราได้ ยุงจะบินวนรอบๆ แหล่งที่มาของกลิ่นนั้น ทำให้มันบินผ่านหูของเราในระยะประชิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

    ยุงตัวผู้เป็นสัตว์รักสงบ

    ไม่ใช่ยุงทุกตัวที่พิสมัยเลือดสด และมีเพียงยุงตัวเมียเท่านั้นที่กระหายของเหลวสีแดงนี้ และออกตระเวนล่าเหยื่อเพื่อบำรุงครรภ์ตัวเอง ส่วนยุงตัวผู้นั้นแทบไม่เคยมาวุ่นวายกับมนุษย์ด้วยซ้ำ เพราะอาหารส่วนใหญ่ของมันคือน้ำหวานจากดอกไม้และผลไม้

    ไวรัสก็มีผลต่อยุงเช่นกัน

    อย่างที่ทราบว่ายุงตัวเมียนั้นมีความกระหายเลือดมาก แต่ยังมีเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้ยุงกระหายเลือดอย่างไม่มีเหตุผลนั่นคือไวรัสไข้เลือดออก ที่นอกจากจะทำให้มนุษย์ป่วยได้แล้ว ยังทำให้ยุงตัวเมียเกิดความกระหายเลือดแบบไม่มีเหตุผลอีกด้วย และทำให้ยุงที่มีเชื้อดังกล่าวตระเวนกัดและดูดเลือดทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้ว่าตอนนั้นมันจะไม่ได้หิวเลือดเลยแม้แต่นิดเดียวก็ตาม

    สิ่งสกปรกสั่งการยุงได้

    เช่นเดียวกับไข้เลือดออก ยุงที่เป็นพาหะของเชื้อมาลาเรียนั้น จะถูกควบคุมด้วยปรสิต ทำให้พวกมันมีความต้องการเลือดที่ได้จากสัตว์อื่นน้อยลง แต่โหยหากลิ่นอับชื้นและกลิ่นเหงื่อของมนุษย์มากขึ้น และนั่นทำให้ยุงที่มีเชื้อมาลาเรียเข้าถึงตัวมนุษย์ได้ง่ายขึ้น จากกลิ่นกายที่ออกมาจากการเดินป่าและกลิ่นรองเท้าที่เหม็นอับ

    น้ำลายของยุงทำให้คัน

    หลายคนคิดว่าการที่เราคันนั้นเป็นเพราะเราถูกยุงกัดที่ผิวหนัง แต่ความจริงแล้วการกัดของยุงนั้นเบามากจนเราแทบไม่มีทางรู้สึกได้เลย แต่สาเหตุที่ทำให้เราคันนั้นเป็นเพราะน้ำลายของยุงที่มีสารกันเลือดแข็ง ซึ่งหากมีการตกค้างบนผิวหนังปริมาณมากจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้

    ยุงไม่ชอบอากาศที่เคลื่อนที่

    พวกยาฆ่ายุงชนิดไหนก็ตามที่ใช้ไล่ยุงอยู่ตอนนี้ จริงๆแล้วมันใช้ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่หลอกนะ ถ้าหากคุณต้องการจะไล่มัน ยาที่มีประสิทธิภาพและไล่ยุงได้ดีที่สุดคือ "พัดลม" นั่นเอง เพราะยุงมีน้ำหนักที่เบามากๆจึงทำให้มันหลบหลีกได้ยาก และทรงตัวได้ยากกว่า

    ไม่ใช่ยุงทุกตัวที่เป็นพาหะนำโรค

    แม้จะมีชื่อเสียงไม่ค่อยดี แต่ไม่ใช่ว่ายุงทุกตัวบนโลกนี้จะเป็นพวกนำเชื้อโรคซะทั้งหมด แถมส่วนใหญ่ยุงยังเป็นสาเหตุของโรคที่เกิดขึ้นในสัตว์มากกว่ามนุษย์เสียอีก

    หนึ่งในแมลงที่ช้าที่สุดในโลก

    หลายคนอาจจะบ่นอุบอิบว่า"ยุงนี่บินเร็วชิบจะตามตบยังไงก็ไม่ทัน"แต่ความจริงแล้วยุงนั้นสามารถบินได้เร็วเพียง1.5ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้น จึงไม่แปลกที่พวกมันจะถูกจัดให้เป็นหนึ่งในแมลงที่บินช้าที่สุดในโลก

    อันตรายที่สุดในโลก

    แม้ข้อมูลเบื้องต้นจะทำให้หลายคนรู้สึกว่ายุงนั้นไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เราเข้าใจเลยสักนิด แต่ความจริงที่ทุกคนไม่ควรลืมก็คือ ยุงนั้นเป็นสาเหตุการตายของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากจากการส่งต่อพาหะผ่านการดูดเลือดของมัน ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ระบุว่ามีเด็กเสียชีวิตทุกๆ 45 วินาที ในแอฟริกาเนื่องจากติดเชื้อเพราะถูกยุงกัด





    วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

    ความแตกต่างของ"หมาป่า"กับ"หมาจิ้งจอก"



              ทั้งหมาป่าและหมาจิ้งจอกต่างก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พวกมันเป็นสัตว์สังคมที่อาศัยในพื้อที่เปิดทั่วทุกแห่งบนโลก ยกเว้นขั้วโลกใต้ซึ่งอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม และพวกมันยังเป็นนักวิ่งระยะไกลด้วยขายาวๆ, ฝ่าเท้านุ่มๆ เพื่อซึมซับการกระแทกและกระดูกในขาหน้าที่ต่อเข้าด้วยกันเพื่อป้องกันขาพลิกระหว่างวิ่ง หมาป่าและหมาจิ้งจอกมีฟันหน้าขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตัดและช่วยให้กินอาหารได้หลากหลายรูปแบบ หมาป่าและหมาจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งพวกมันจะออกล่าตอนกลางคืน พวกมันมีการได้ยินที่ดีและการได้กลิ่นที่ดีกว่าคน 100 เท่า หูตั้งใช้ในการสื่อระหว่างสมาชิกในฝุง, และใบหน้าที่สามารถแสดงอารมณ์ได้หลากหลาย


    หมาป่า (Wolf)

    หมาป่าหรือหมาป่าสีเทานั้น สามาพบได้ในซีกโลกเหนือ(ยุโรป, อลาสก้า, แคนาดา และเอเชีย)เท่านั้น พวกมันอาศัยและเดินทางด้วยกันเป็นฝูง ซึ่งจะมีประมาณ 5-11 ตัว เนื่องจากการอยู่ร่วมกันเป็นฝูงจึงมีเทคนิคในการล่าและทำงานด้วยกันอย่างยอมเยี่ยม พวกมันจึงเป็นนักล่าอันดับ 1 ที่สามารถล่าได้แม้แต่เหยื่อที่มีขนาดใหญ่ในแถบนั้นได้ อย่างเช่น กวางเอลก์, กวางมูสและไบซัน พวกมันหนักประมาณ 23 กก. และสูงประมาณ 90 ซม. โดยวัดจากไหล่ สิ่งที่หมาป่าแตกต่างจากหมาจิ้งจอกดดยสิ้นเชิงคือ หมาป่านั้นจะหอนเพื่อสื่อสารกัน นอกจากนี้ การหอนของหมาป่ายังแสดงถึงความแข็งแรงของฝูงอีกด้วย


    หมาจิ้งจอก (Fox)

    หมาจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่ต้องยกให้มันเป็นนักล่าที่ฉลาดเกมโกง พวกมันเป้นสัตว์ที่กินได้ทั้งพืชและสัตว์ซึ่งสามารถพบได้ทั่งทุกแห่งบนโลก ยกเว้นแอนตาร์กติกา สุนัขจิ้งจอกนั้นอาจจะอาศัยเป็นฝูง มีประมาณ 2-3 ตัวเท่านั้น เพราะฝูงขนาดเล็กและร่างกายที่เล็กของมัน จึงทำให้มันกระโดดล่าสัตว์ที่ขนาดเล็กได้ เช่นกระต่าย, เม่นแคระ และหนูเป็นอาหาร แต่บ้างครั้งพวกวันจะกินผลไม้และแมลงด้วย นอกจากนี้พวกมันยังปรับตัวเข้ากับมนุษย์ได้ยอดเยี่ยม พวกมันไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ พวกมันหนักประมาณ 14 กก. และสูงแค่ 30 ซม.เท่านั้น หมาจิ้งจอกนั้นจะไม่หอนแต่จะร้องเสียงเล็กๆและเห่าเพื่อสื่อสารกันแทน







    ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : http://writer.dek-d.com/JiPpieZz/story/viewlongc.php?id=687461&chapter=200

    วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

    5 พฤติกรรมของสัตว์ที่คล้ายมนุษย์

    1. ความฉลาดของหนู

            บ้างคนอาจไม่ชอบที่มีเจ้าหนู้อยู่ในบ้าน แต่ความเป็นจริงแล้ว การที่มันมาอยู่ในบ้านของเรานั้นมีประโยชน์ต่อมันไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะเรื่องความฉลาดของมันนั่นเอง การศึกษานี้พบว่า หนูที่เป็นสัตว์เลี้ยงนั้นจะฉลาดมากกว่าหนูที่อยู่ในป่า ซึ่งเหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าอยู่กับมนุษย์ ในการศึกาานี้พวกเค้าใช้หนูตะเภาบ้านกับหนูตะเภาป่าไปวางในทางวงกตน้ำ ซึ่งพวกเขาพบว่าหนูตะเภาบ้านนั้นสามารถหาทางออกได้ดีกว่า เหตุผลของความฉลาดนี้ถูกสันนิษฐานว่ามาจากการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น(รัง) 

    2. ความจำของม้า

            เรื่องที่น่าประหลาดใจอีกเรื่องคือ เรื่องของเจ้าม้าที่มีความสามารถในการจดจำระยะยาวและมีความจงรักภักดี การศึกษาพบว่าม้าที่มีประสบการณ์ที่น่าพอใจกับมนุษย์ที่คุ้นเคย เช่น เทรนเนอร์ นั้นจะมีการจำประสบการณ์ที่ถูกเทรนมาอย่างฝั่งใจมากกว่า และจะแสดงความดีใจจากการที่ไม่ได้เจอกันเป็นเดือน นอกจากนี้ ม้าที่ผ่านประสบการณ์ดีๆกับมนุษย์มาก็จะมีโอกาสในการเข้ากับมนุษย์คนอื่นๆได้ดี(โดยการดมหรือเลีย) การศึกษานี้กล่าวว่าพฤติกรรมที่ม้ากระทำนั้นแสดงให้เห็นว่าม้าสามารถสร้างความทรงจำดีๆกับมนุษย์ได้ ซึ่งก็แปลว่ามันมีความฉลาดไม่น้อยเลย

    3. การส่ายหัวของโบโนโบ


          ในขณะที่สัตว์ตัวอื่นๆนั้น อาจจะเป็นมิตรหรือซื่อสัตวืต่อมนุษย์ แต่มีสัตว์ประเภทหนึ่งที่ก้มีขอบเขตเหมือนๆกับมนุษยือีกด้วย เช่น โบโนโบ การศึกาานี้พบว่าการส่ายหัวของโบโนโบที่โตเต็มวัยยเมื่อมันไม่เห้นด้วยหรือไม่ยอมให้พวกที่อายุน้อยกว่าทำพฤติกรรมที่ไม่ชอบธรมม ตัวอย่างเช่น หลังจากที่แม่โบโนดบนั้นคว้าก้านต้นหอมออกจากมือลูกน้อยที่ดูเหมือนจะเล่นกับสิ่งควรจะเป็นอาหาร เจ้าหนูน้อยนั้นก็แน่นอนว่าต้องการก้านต้นหอมคืนเพื่อจะเล่นต่อแต่ตัวแม่นั้นส่ายหัวเหมือนกับจะพูดว่า "ไม่ได้" ยังไงอย่างนั้น การศึกษาก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตว่าโบโนโบส่ายหัวเพื่อเล่นกันเท่านั้น ซึ่งการค้นพบครั้งใหม่นี้แสดงให้เห็นว่าการส่ายหัวของโบโนโบอาจจะเป้นที่มาของการส่ายหัวเพื่อบ่งบอกถึงการแสดงออกทางด้านลบในมนุษย์
          
    4. หน้าตาของหนู




            หน้าตาของหนูเปลี่ยนไปตามอารมณ์ของมันได้!! นักวิทยาศาสตร์ได้ถ่ายวีดีโอการเคลื่อนไหวใบหน้าของหนูหลังจากที่โดนฉีดสารที่ทำให้ระคายเคืองเข้าไป เมื่อเจ้าหนูรู้สึกเจ็บปวด มันจะทำหน้าไม่สบายใจโดยการหรี่ตาลง,ป่องแก้ม,ขยับหูและขยับหนวดขึ้นหรือลง หลังจากที่เจ้าหนูได้รับยาแก้เจ็บปวดใบหน้าของมันก็จะเป็นปรกติ การทดลองนี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สร้างเครื่องวัดความเจ็บปวดของหนูขึ้นมาเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถลดความเจ็บปวดของสัตว์ทดลองเหล่านี้ในการทดลองทางการแพทย์ในภายภาคหน้าได้

    5. การไว้ทุกข์ของชิมแปนซี


             การศึกษาเกี่ยวกับการไว้ทุกข์ของชิมแปนซีนั้นเผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่มากกว่าที่เราคิดไว้ การศึกษานี้ได้สำรวจจากพฤติกรรมของชิมแปนซีโตเต็มวัย 3ตัวที่มีต่อเพื่อนตัวเมียอายุมากที่กำลังจะเสียชีวิต หลังจากที่พวกมันรู้ว่าเพื่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ พวกมันได้แสดงพฤติกรรมไว้ทุกข์อย่างหลากหลาย โดยเหล่าชิมแปนซีนั้นจะอยู่ข้างๆเพื่อนและสางผมมันเบาๆอย่างกลับว่าจะปลอบ เมื่อเหล่าชิมแปนซีพักผ่อนตอนกลางคืน พวกมันจะขยับพลิกตัวไปมาซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่สบายใจเกี่ยวกับความตายที่กำลังใกล้เข้ามา เมื่อเห็นเพื่อนตาย เหล่าชิมแปนซีนี้ก็พยายามจะทำให้เพื่อนฟื้นขึ้นมา และเมื่อพวกมันรู้ว่าเพื่อนได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เหล่าชิมแปนซีนั้นก็ได้ออกห่างจากร่างไร้วิญญาณนั้นอย่างช้าๆ และพวกมันก็จะเข้าใกล้ร่างนั้นอีกครั้งเพื่อพยายามทำให้เพื่อนฟื้นอีกครั้งหรือไม่ก็เข้ามาเพื่อเช็กให้แนฃ่ใจว่าเพื่อนตายไปแล้ว หลังจากนั้นเหล่าชิมแปนซีก็จะปัดเศษฟางออกจากหน้าและสางขนให้ การค้นพบนี้ทำให้รู้ว่าการไว้ทุกข์และบอกลาจะเป็นผลดีมากกว่าที่จะปล่อยให้ชิมแปนซีจากไปจากฝูงอย่างเป็นธรรมชาติ

    วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557

    นิยม "สัตว์แปลก"

    มาดูกันว่าสัตว์แปลกๆที่คนนิยมเลี้ยงกันในตอนนี้มีอะไรบ้าง แต่ถึงจะเป็นสัตว์แปลกแต่มันก็มีความน่ารักจนทำให้มีคนซื้อมันไปเลี้ยงไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ก็ตามค่ะ

    ลองมาดูกันว่าสัตว์แปลกที่คนนิยมเลี้ยงกันนั้นมีอะไรบ้าง


    1. เม่นแคระ
           เม่นแคระถึงแม้จะมีหนามทั่วทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายกับผู้เลี้ยงเจ้าตัวนี้แน่นอน หากจับเจ้าเม่นแคระอย่างถูกวิธี ความน่ารักของเจ้าเม่นแคระตัวนี้อยู่ที่มันมีขนาดเล็กพอเหมาะ จนตอนนี้เม่นแคระนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก 


    2. ชูก้าไกเดอร์
            ชูการ์ไกลเดอร์ หรือ ที่บางครั้งเรียกกันว่า จิงโจ้บิน จัดเป็นสัตว์ประเภทจิงดจ้ เพราะตัวเมียจะมีกระเป๋าหน้าท้อง ใช้สำหรับให้ลูกอ่อนอยู่อาสัยจนกว่าจะโตเต็มที่

    3. เวล คาเมเลี่ยน
              คาเมเลี่ยนจัดเป็นสัตว์ตระกูลกิ้งก่าที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้เลี้ยงในไทยมาก เพราะคาเมเลี่ยนมีสีที่สวย และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศของเมืองไทยได้เป็นอย่างดี

    4. ชินชิล่า
           เจ้าสัตว์ตัวนี้มีขนฟูน่ารักไม่เบา แต่การเลี้ยงต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะชินชิล่าเป็นสัตว์เมืองหนาว อาจไม่ชินกับอากาศเมืองไทย และต้องให้อาหารทีละน้อยๆ เพราะชินชิล่าทานไม่เยอะ


    5. ลิงมาโมเสท
        มาโมเสทเป็นลิงที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาใต้ จัดเป็นลิงที่ขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่แม้จะตัวจิ๋วๆ อย่างนี้เถอะ ราคาไม่จิ๋วตามตัวนะ เพราะราคาของลิงมาโมเสทอยู่ที่หลักหมื่นเลยทีเดียว









    ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : http://pet.boxza.com/animal/5431

    วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

    การดูแลฟันให้น้องหมา

    นอกจากการดูแลรักษาความสะอาดโดยการอาบน้ำ ตัดขน ตัดเล็บแล้ว การดูแลสุขภาพช่องปากของเจ้าตูบหรือสุนัขที่เรารักนั้นก็สำคัญนะค่ะ วันนี้จึงเอาวิธีการดูแลฟังของเจ้าตูบมาฝากกัน

     


    ชุดแปรงและยาสีฟัน
            เวลาที่แปรงฟันนั้น ขนแปรงจะช่วยกวาดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันออกได้ และจะช่วยขัดฟันให้สะอาด การใช้แปรงสีฟันของคนไปถูฟันของสัตว์นั้นอาจจะช่วยได้ แต่ไม่ดีนัก เพราะมียาสีฟันบ้างตัวที่อาจจะไม่เหมาะกับสัตว์


    สเปรย์ทำความสะอาดฟันหมา
               เจ้าตูบบ้างตัวอาจไม่ชอบการแปรงฟัน การหันมาใช้สเปรย์ทำความสะอาดฟันเป้นทางเลือกที่ดีเลยที่เดียว เพราะสเปรย์จะช่วยละลายคราบอาหารบนฟันและลดการสะสมของแบคทีเรียได้


    อาหารขจัดคราบหินปูน
               มีผลการวิจัยออกมาว่า การให้อาหารขจัดคราบหินปูนกับสุนัขทุกวันนั้น ทำให้สุนัขมีสุขภาพฟันที่ดีกว่าการแปรงฟันสะอีก

    รู้อย่างนี้แล้วเพื่อนอย่าลืมดูแลฟันของเจ้าตูบที่เรารักด้วยนะค่ะ




    ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : http://animals.spokedark.tv/2013/02/28/dogfangcare/#.U98mAeN_t8E