กระรอก (Squirrel) เจ้าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ น่ารักนี้ ใช้เวลานอนยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ปกติเรามักจะเห็นกระรอกปีนป่ายต้นไม้ไปมาอย่างคึกคัก แต่แท้จริงแล้วกระรอกใช้เวลานอนถึง 14 ชั่วโมงต่อวัน กระรอกเป็นสัตว์ที่มีถิ่นอาศัยในทุกส่วนของโลก และในปัจจุบันยังมีผู้ที่นิยมเลี้ยงกระรอกเป็นสัตว์เลี้ยงอีกเป็นจำนวนมาก
วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557
สัตว์ที่มีพฤติกรรมหลับนานที่สุด!!
สัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตสำคัญในระบบนิเวศ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของสัตว์เหล่านี้แตกต่างกันออกไป โดยสัตว์บางชนิดอาจนอนหลับเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ในทางตรงกันข้าม สัตว์บางชนิดก็สามารถเคลิ้มหลับไปตลอดทั้งวันโดยไม่ทำอะไรเลย และเพื่อให้ได้รู้จักกับพฤติกรรมของมีชีวิตอันหลากหลายบนโลกใบนี้วันนี้จึงได้นำข้อมูลของสัตว์ที่มีพฤติกรรมหลับนานที่สุดมาฝากกัน
โคอาลา (Koala) สำหรับเจ้าสัตว์ป่าน่ารัก ๆ ตัวนี้ ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่นอนเก่งเอามาก ๆ โดยโคอาล่าจะใช้เวลานอนเกือบ 22 ชั่วโมงต่อวัน และจะตื่นขึ้นมาเพียง 2 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อกินอาหาร หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ โคอาลามักถูกพบในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของออสเตรเลีย และแทสเมเนีย โดยโคอาลาตัวเมียที่มีสุขภาพดีมาก ๆ จะสามารถออกลูกได้ 1 ตัวต่อปี ในตลอดช่วงเวลา 12 ปี ทั้งนี้ โคอาลาจะกินใบยูคาลิปตัสเป็นอาหาร
สลอธ (Sloth) สำหรับเจ้าตัวนี้ หลายคนมักเรียกว่า ตัวเฉื่อยชา เพราะนอกจากจะเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าแล้ว สลอธยังนอนนานถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งนี้ สลอธเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดกลางที่กินแมลง สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก และนก เป็นอาหาร แต่ส่วนใหญ่สลอธจะนิยมกินใบอ่อน หรือยอดอ่อนของพืช เสียมากกว่า ส่วนถิ่นที่อยู่อาศัยนั้น คือ ป่าดิบชื้นของอเมริกากลาง และอเมริกาใต้
ตัวนิ่ม (Armadillo) สำหรับเจ้าสิ่งมีชีวิตหน้าตาคล้าย ๆ หนู แต่มีเปลือกแข็งเป็นเกราะป้องกันตัวนี้ ถือเป็นสัตว์อีกชนิดที่มีช่วงระยะเวลาในการนอนยาวนานกว่าสัตว์ทั่ว ๆ ไป โดยตัวนิ่มจะใช้เวลานอนถึง 19 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว ทั้งนี้ เรามักพบตัวนิ่มในรัฐต่าง ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา อาทิ เทกซัส เซาท์แคโรไลนา และฟลอริดา
โอพอสซัม (Opossum) นอกจากจะเป็นสัตว์ที่ขี้กลัวที่สุดในโลก เพราะจะแกล้งตายทุกครั้งที่เจออันตราย โอพอสซัมยังเป็นสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องที่ใช้เวลานอนนานถึง 19 ชั่วโมงต่อวัน และจะตื่นขึ้นมาเพียง 5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น
ลีเมอร์ (Lemur) สัตว์ตระกูลลิงที่อาศัยอยู่ในมาดากัสการ์พันธุ์นี้ อาจดูไม่เหมือนสัตว์ที่แสนขี้เกียจเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะหน้าคล้ายสุนัขจิ้งจอก มีขนหนาฟูและยาวเป็นพวงเหมือนกระรอก แถมยังคล่องแคล่วมากเวลาหากินอีกต่างหาก แต่เวลามันจะนอนเจ้าลีเมอร์นี้จะสามารถหลับได้นานถึง 16 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว
แฮมสเตอร์ (Hamster) ถ้าใครเคยเลี้ยงแฮมสเตอร์ คงรู้ดีว่ามันแทบไม่เคยโผล่หัวออกมาให้เห็นเลยนอกจากเวลาที่มันหิว ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะมันเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่จัดว่านอนนานที่สุด โดยจะใช้เวลานอนประมาณ 15-16 ชั่วโมงต่อวัน
กระรอก (Squirrel) เจ้าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ น่ารักนี้ ใช้เวลานอนยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ปกติเรามักจะเห็นกระรอกปีนป่ายต้นไม้ไปมาอย่างคึกคัก แต่แท้จริงแล้วกระรอกใช้เวลานอนถึง 14 ชั่วโมงต่อวัน กระรอกเป็นสัตว์ที่มีถิ่นอาศัยในทุกส่วนของโลก และในปัจจุบันยังมีผู้ที่นิยมเลี้ยงกระรอกเป็นสัตว์เลี้ยงอีกเป็นจำนวนมาก
แมว (Cat) สัตว์เลี้ยงสุดฮิตที่นิยมกันทั่วทุกมุมโลก ไม่น่าเชื่อว่าแมวจะติดโผรายชื่อนี้กับเขาด้วยเช่นกัน โดยพบว่าแมวจะใช้เวลานอนถึง 13 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว
หมู (Pig) คนส่วนใหญ่มักจะเห็นแต่ภาพหมูกินอาหาร เพราะหมูได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ที่กินจุมาก แต่รู้กันไหมเอ่ย ว่าหมูใช้เวลานอนถึง 13 ชั่วโมงต่อวัน เทียบเท่ากับแมวเลยทีเดียว
ตัวกินมดหนาม (Spiny Anteate) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เออคิดนา (Echidna) ตัวกินมดหนามมีรูปร่างคล้ายกับเม่นตัวเล็ก ๆ มีขนหยาบ และขนหนาม ในบ้านเราอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตากับเจ้าสัตว์ชนิดนี้กันเท่าใดนัก ตัวกินมดหนามมีถิ่นที่อยู่อาศัยในเกาะนิวกินี และประเทศออสเตรเลีย พวกมันจะใช้เวลานอนประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน จึงติดโผสัตว์ที่ใช้เวลานอนนานที่สุดของโลกนั่นเอง
แม้ว่าพวกมันจะใช้เวลาในการนอนนานเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นสัตว์ขี้เกียจนะคะ ส่วนสาเหตุที่ต้องนอนนาน ๆ คาดว่าเป็นเพราะกลไกการทำงานในร่างของสัตว์แต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน จึงทำให้พวกมันจำเป็นต้องพักผ่อนด้วยเวลาที่ไม่เท่ากันนั่นเองจ้า
กระรอก (Squirrel) เจ้าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ น่ารักนี้ ใช้เวลานอนยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ปกติเรามักจะเห็นกระรอกปีนป่ายต้นไม้ไปมาอย่างคึกคัก แต่แท้จริงแล้วกระรอกใช้เวลานอนถึง 14 ชั่วโมงต่อวัน กระรอกเป็นสัตว์ที่มีถิ่นอาศัยในทุกส่วนของโลก และในปัจจุบันยังมีผู้ที่นิยมเลี้ยงกระรอกเป็นสัตว์เลี้ยงอีกเป็นจำนวนมาก
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้องแมว
คนรักแมวทั้งหลายเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าอัศจรรย์ แต่คุณรู้ไหมว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าทึ่งกว่าที่คุณคิดเสียอีก ถ้าคุณอ่านเรื่องน่ารู้สำหรับแมวนี้แล้วคุณจะรู้จักแมวของคุณได้ดีขึ้นและมีความภาคภูมิใจมากขึ้นอีกที่ได้เป็นเจ้าของแมว
- แมวมีสมองที่ใกล้เคียงกับคุณมากกว่าสุนัข สมองของคนและแมวมีส่วนของสมองที่แสดงออกถึงอารมณ์เหมือนกัน
- แมวใช้เวลากว่า 30% ในช่วงที่เขาตื่นเลียขนทำความสะอาดตัวเอง
- โดยเฉลี่ยแล้วแมวใช้เวลา 2 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน นั่นหมายถึงแมวที่มีอายุ 12 ปี เขาตื่นเพียง 4 ปีเท่านั้น
- แมวที่มีขนขาวบริสุทธิ์และตาสีฟ้า มักจะหูหนวก
- การลูบไล้จะช่วยลดความดันโลหิตได้
- เสียงครางในลำคอของแมวไม่ได้หมายความว่าแมวมีความสุขเสมอ บางครั้งทำเสียงครางเบาๆก็เพื่อปลอบใจตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บหรือหวาดกลัว
- ถ้าแมวเพศเมียได้ผสมกับแมวเพศผู้หลายตัวในการเป็นสัดครั้งหนึ่ง ลูกแมวในครอกนั้นอาจมีคนละพ่อกันได้
- แมวตั้งท้องประมาณ 62 - 65 วัน นับจากวันที่ผสมจนถึงวันคลอด
- แมวมีความไวต่อแรงสั่นสะเทือนสูงมาก ดังนั้นแมวจะได้รับสัมผัสแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวได้ก่อนมนุษย์ 10 - 15 นาที
- แมวตัวเมียจะเรียกกันทั่วไปว่า ควีนหรือมอลลี่ และแมวตัวผู้เมื่อทำหมันแล้วจะถูกเรียกว่า กิ๊บ
- ฉี่ของแมวจะเรืองแสง เมื่อถูกส่งด้วยแสงแบล๊คไลท์
- โดยปกติแมวจะไม่ร้องเสียงเหมืยวใส่แมวตัวอื่น จะร้องเสียงนี้ใส่คนเท่านั้น แต่จะทำเสียงครวญครางและเสียงขู่ใส่แมวตัวอื่น
- แมวที่แพงที่สุดที่เคยทำสถิติไว้ คือแมวที่ทำโคลนนิ่ง จากแมงที่มีอายุมาก ซึ่งมีราคาถึง 50,000 เหรีญสหรัฐ
- แมวเพศเมียมักถนัดใช้มือขวา ส่วนแมวเพศผู้มักถนัดซ้าย
- แมวตัวเมียเป็นสัดได้หลายครั้งใน 1 ปี การเป็นสัดแต่ละครั้งนาน 4 - 7 วันหากได้รับการผสม ไม่เช่นนั้นแล้วการเป็นสัดก็จะนานวันไปอีก
- แมวที่พบว่ามีอายุมากที่สุด คือ 38 ปีแมวส่วนใหญ่สุขภาพดีอยู่ได้ถึง 20 ปี
- แมวสามารถลอดช่องว่างเล็กเท่าไหร่ก็ได้ตราบใดที่หัวผ่านได้เพราะแมวไม่มีกระดูกไหปลาร้า
- แมวส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำเพราะขนของเขาไม่สามารถป้องกันความร้อน-เย็นได้เมื่อเปียก แต่แมวบางพันธุ์ชอบว่ายน้ำมากเพราะขนของเขาค่อนข้างกันน้ำ
- แมวชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจเพราะผู้หญิงมีเสียงที่สูงกว่า
- ไม่ควรเลี้ยงแมวด้วยปลาทูน่าติดต่อกันนานเกินไป เพราะปลาทูน่าไม่มีสารทอรีน และจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้
- ถ้ามีน้ำให้กินได้อย่างพอเพียง แมวสามารถทนอยู่ในที่ร้อนๆได้ถึง 50 องศาเซลเซียส
- แมวตอบสนองต่อเสียงหรือชื่อที่ลงท้ายด้วยเสียงสระ อี ได้ดีกว่าเสียงอื่น
- แมวไม่มีต่อมเหงื่อ ยกเว้นที่อุ้งเท้า
- แมวทำเสียงต่างๆได้ประมาณ 100 เสียง ในขณะที่สุนัขทำได้แค่ 10 เสียง
- ถ้าจะทำหมันแมวตัวเมียควรจะทำก่อนที่จะเป็นสัดครั้งแรกหรือครั้งที่สอง จะช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งที่เต้านมและโรคทางเดินปัสสาวะ
- ควรทำหมันแมวตัวผู้ก่อนที่เขาจะรู้จักวิธีพ่นปัสสาวะใส่สิ่งของ เพราะส่วนใหญ่จะสามารถลดการทำเช่นนั้นได้ และยังช่วยลดปัญหาการทะเลาะกับแมวตัวผู้อื่นๆด้วย
- แมวจะสร้างอาณาเขตของตัวเองโดยการถูต่อมกลิ่นที่อยู่บนหน้า อุ้งเท้า และหาง กับตัวคนเรา เป็นการบอกให้แมวตัวอื่นรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นสมบัติของเขา
- แมวจะไม่ลงจากต้นไม้โดยเอาหัวลง แต่จะถอยหลังลงเพราะตำแหน่งของเล็บที่อุ้งเท้าไม่อำนวยให้เข้าทำเช่นนั้น
- ถ้าแมวเอาหน้าเขาไปถูกับตัวคุณ แปลว่าเขายอมรับและแสดงความรักกับคุณ
- ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แมวสีดำถือว่าเป็นลางไม่ดี แต่ในประเทศอังกฤษและออสเตรเลียถือว่าให้โชค
วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เรื่องยุ่งๆของ "ยุง" ที่คุณอาจไม่เคยรู้
ถ้าจะมีแมลงอะไรสักอย่างที่ใกล้ชิดสนิทกับมนุษย์ละก็คงต้องยกให้ "ยุง" เลยละค่ะ นอกจากจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ยังมีสารพัดโทษ ว่าแล้วก็มารู้จักเรื่องยุ่งๆ ของเหล่ายุงทั้งหลาย ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนดีกว่า
กลิ่นช็อคโกแลตทำให้ยุงงุนงง
เป็นที่ทราบกันดีว่ายุงนั้นเป็นแมลงดูดเลือดที่ตามล่าหาเป้าหมายด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ออกมาจากหายใจของเรา ซึ่งกลิ่นนี่เองที่ทำให้ยุงตื่นเต้นและค้นหาเป้าหมายของมันได้ง่ายและเร็วขึ้นนั้นเอง ซึ่งนักวิจัยสหรัฐฯ ได้แนะนำให้ลองทานใบมิ้นต์ และผลไม้บางอย่างที่มีกลิ่นฉุน หรือช็อคโกแลตแท้รสขมๆ ดูสิ เพราะกลิ่นของอาหารดังกล่าว สามารถป่วนเซ็นเซอร์ตรวจจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของยุงได้ ทำให้พวกมันลังเลที่จะเข้ามาดูเลือดของเรา
ทำไมยุงต้องบินตอมที่หู
จริงๆ แล้วยุงส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตั้งใจมาบินตอมหูของคนเราหรอกนะ แต่เพราะเมื่อยุงตามกลิ่นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ออกมาจากจมูกและปากของเราได้ ยุงจะบินวนรอบๆ แหล่งที่มาของกลิ่นนั้น ทำให้มันบินผ่านหูของเราในระยะประชิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
ยุงตัวผู้เป็นสัตว์รักสงบ
ไม่ใช่ยุงทุกตัวที่พิสมัยเลือดสด และมีเพียงยุงตัวเมียเท่านั้นที่กระหายของเหลวสีแดงนี้ และออกตระเวนล่าเหยื่อเพื่อบำรุงครรภ์ตัวเอง ส่วนยุงตัวผู้นั้นแทบไม่เคยมาวุ่นวายกับมนุษย์ด้วยซ้ำ เพราะอาหารส่วนใหญ่ของมันคือน้ำหวานจากดอกไม้และผลไม้
ไวรัสก็มีผลต่อยุงเช่นกัน
อย่างที่ทราบว่ายุงตัวเมียนั้นมีความกระหายเลือดมาก แต่ยังมีเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้ยุงกระหายเลือดอย่างไม่มีเหตุผลนั่นคือไวรัสไข้เลือดออก ที่นอกจากจะทำให้มนุษย์ป่วยได้แล้ว ยังทำให้ยุงตัวเมียเกิดความกระหายเลือดแบบไม่มีเหตุผลอีกด้วย และทำให้ยุงที่มีเชื้อดังกล่าวตระเวนกัดและดูดเลือดทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้ว่าตอนนั้นมันจะไม่ได้หิวเลือดเลยแม้แต่นิดเดียวก็ตาม
สิ่งสกปรกสั่งการยุงได้
เช่นเดียวกับไข้เลือดออก ยุงที่เป็นพาหะของเชื้อมาลาเรียนั้น จะถูกควบคุมด้วยปรสิต ทำให้พวกมันมีความต้องการเลือดที่ได้จากสัตว์อื่นน้อยลง แต่โหยหากลิ่นอับชื้นและกลิ่นเหงื่อของมนุษย์มากขึ้น และนั่นทำให้ยุงที่มีเชื้อมาลาเรียเข้าถึงตัวมนุษย์ได้ง่ายขึ้น จากกลิ่นกายที่ออกมาจากการเดินป่าและกลิ่นรองเท้าที่เหม็นอับ
น้ำลายของยุงทำให้คัน
หลายคนคิดว่าการที่เราคันนั้นเป็นเพราะเราถูกยุงกัดที่ผิวหนัง แต่ความจริงแล้วการกัดของยุงนั้นเบามากจนเราแทบไม่มีทางรู้สึกได้เลย แต่สาเหตุที่ทำให้เราคันนั้นเป็นเพราะน้ำลายของยุงที่มีสารกันเลือดแข็ง ซึ่งหากมีการตกค้างบนผิวหนังปริมาณมากจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
ยุงไม่ชอบอากาศที่เคลื่อนที่
พวกยาฆ่ายุงชนิดไหนก็ตามที่ใช้ไล่ยุงอยู่ตอนนี้ จริงๆแล้วมันใช้ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่หลอกนะ ถ้าหากคุณต้องการจะไล่มัน ยาที่มีประสิทธิภาพและไล่ยุงได้ดีที่สุดคือ "พัดลม" นั่นเอง เพราะยุงมีน้ำหนักที่เบามากๆจึงทำให้มันหลบหลีกได้ยาก และทรงตัวได้ยากกว่า
ไม่ใช่ยุงทุกตัวที่เป็นพาหะนำโรค
แม้จะมีชื่อเสียงไม่ค่อยดี แต่ไม่ใช่ว่ายุงทุกตัวบนโลกนี้จะเป็นพวกนำเชื้อโรคซะทั้งหมด แถมส่วนใหญ่ยุงยังเป็นสาเหตุของโรคที่เกิดขึ้นในสัตว์มากกว่ามนุษย์เสียอีก
หนึ่งในแมลงที่ช้าที่สุดในโลก
หลายคนอาจจะบ่นอุบอิบว่า"ยุงนี่บินเร็วชิบจะตามตบยังไงก็ไม่ทัน"แต่ความจริงแล้วยุงนั้นสามารถบินได้เร็วเพียง1.5ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้น จึงไม่แปลกที่พวกมันจะถูกจัดให้เป็นหนึ่งในแมลงที่บินช้าที่สุดในโลก
อันตรายที่สุดในโลก
แม้ข้อมูลเบื้องต้นจะทำให้หลายคนรู้สึกว่ายุงนั้นไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เราเข้าใจเลยสักนิด แต่ความจริงที่ทุกคนไม่ควรลืมก็คือ ยุงนั้นเป็นสาเหตุการตายของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากจากการส่งต่อพาหะผ่านการดูดเลือดของมัน ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ระบุว่ามีเด็กเสียชีวิตทุกๆ 45 วินาที ในแอฟริกาเนื่องจากติดเชื้อเพราะถูกยุงกัด
วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ความแตกต่างของ"หมาป่า"กับ"หมาจิ้งจอก"
ทั้งหมาป่าและหมาจิ้งจอกต่างก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พวกมันเป็นสัตว์สังคมที่อาศัยในพื้อที่เปิดทั่วทุกแห่งบนโลก ยกเว้นขั้วโลกใต้ซึ่งอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม และพวกมันยังเป็นนักวิ่งระยะไกลด้วยขายาวๆ, ฝ่าเท้านุ่มๆ เพื่อซึมซับการกระแทกและกระดูกในขาหน้าที่ต่อเข้าด้วยกันเพื่อป้องกันขาพลิกระหว่างวิ่ง หมาป่าและหมาจิ้งจอกมีฟันหน้าขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตัดและช่วยให้กินอาหารได้หลากหลายรูปแบบ หมาป่าและหมาจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งพวกมันจะออกล่าตอนกลางคืน พวกมันมีการได้ยินที่ดีและการได้กลิ่นที่ดีกว่าคน 100 เท่า หูตั้งใช้ในการสื่อระหว่างสมาชิกในฝุง, และใบหน้าที่สามารถแสดงอารมณ์ได้หลากหลาย
หมาป่า (Wolf)
หมาป่าหรือหมาป่าสีเทานั้น สามาพบได้ในซีกโลกเหนือ(ยุโรป, อลาสก้า, แคนาดา และเอเชีย)เท่านั้น พวกมันอาศัยและเดินทางด้วยกันเป็นฝูง ซึ่งจะมีประมาณ 5-11 ตัว เนื่องจากการอยู่ร่วมกันเป็นฝูงจึงมีเทคนิคในการล่าและทำงานด้วยกันอย่างยอมเยี่ยม พวกมันจึงเป็นนักล่าอันดับ 1 ที่สามารถล่าได้แม้แต่เหยื่อที่มีขนาดใหญ่ในแถบนั้นได้ อย่างเช่น กวางเอลก์, กวางมูสและไบซัน พวกมันหนักประมาณ 23 กก. และสูงประมาณ 90 ซม. โดยวัดจากไหล่ สิ่งที่หมาป่าแตกต่างจากหมาจิ้งจอกดดยสิ้นเชิงคือ หมาป่านั้นจะหอนเพื่อสื่อสารกัน นอกจากนี้ การหอนของหมาป่ายังแสดงถึงความแข็งแรงของฝูงอีกด้วย
หมาจิ้งจอก (Fox)
หมาจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่ต้องยกให้มันเป็นนักล่าที่ฉลาดเกมโกง พวกมันเป้นสัตว์ที่กินได้ทั้งพืชและสัตว์ซึ่งสามารถพบได้ทั่งทุกแห่งบนโลก ยกเว้นแอนตาร์กติกา สุนัขจิ้งจอกนั้นอาจจะอาศัยเป็นฝูง มีประมาณ 2-3 ตัวเท่านั้น เพราะฝูงขนาดเล็กและร่างกายที่เล็กของมัน จึงทำให้มันกระโดดล่าสัตว์ที่ขนาดเล็กได้ เช่นกระต่าย, เม่นแคระ และหนูเป็นอาหาร แต่บ้างครั้งพวกวันจะกินผลไม้และแมลงด้วย นอกจากนี้พวกมันยังปรับตัวเข้ากับมนุษย์ได้ยอดเยี่ยม พวกมันไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ พวกมันหนักประมาณ 14 กก. และสูงแค่ 30 ซม.เท่านั้น หมาจิ้งจอกนั้นจะไม่หอนแต่จะร้องเสียงเล็กๆและเห่าเพื่อสื่อสารกันแทน
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : http://writer.dek-d.com/JiPpieZz/story/viewlongc.php?id=687461&chapter=200
วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557
5 พฤติกรรมของสัตว์ที่คล้ายมนุษย์
1. ความฉลาดของหนู
บ้างคนอาจไม่ชอบที่มีเจ้าหนู้อยู่ในบ้าน แต่ความเป็นจริงแล้ว การที่มันมาอยู่ในบ้านของเรานั้นมีประโยชน์ต่อมันไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะเรื่องความฉลาดของมันนั่นเอง การศึกษานี้พบว่า หนูที่เป็นสัตว์เลี้ยงนั้นจะฉลาดมากกว่าหนูที่อยู่ในป่า ซึ่งเหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าอยู่กับมนุษย์ ในการศึกาานี้พวกเค้าใช้หนูตะเภาบ้านกับหนูตะเภาป่าไปวางในทางวงกตน้ำ ซึ่งพวกเขาพบว่าหนูตะเภาบ้านนั้นสามารถหาทางออกได้ดีกว่า เหตุผลของความฉลาดนี้ถูกสันนิษฐานว่ามาจากการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น(รัง)
2. ความจำของม้า
เรื่องที่น่าประหลาดใจอีกเรื่องคือ เรื่องของเจ้าม้าที่มีความสามารถในการจดจำระยะยาวและมีความจงรักภักดี การศึกษาพบว่าม้าที่มีประสบการณ์ที่น่าพอใจกับมนุษย์ที่คุ้นเคย เช่น เทรนเนอร์ นั้นจะมีการจำประสบการณ์ที่ถูกเทรนมาอย่างฝั่งใจมากกว่า และจะแสดงความดีใจจากการที่ไม่ได้เจอกันเป็นเดือน นอกจากนี้ ม้าที่ผ่านประสบการณ์ดีๆกับมนุษย์มาก็จะมีโอกาสในการเข้ากับมนุษย์คนอื่นๆได้ดี(โดยการดมหรือเลีย) การศึกษานี้กล่าวว่าพฤติกรรมที่ม้ากระทำนั้นแสดงให้เห็นว่าม้าสามารถสร้างความทรงจำดีๆกับมนุษย์ได้ ซึ่งก็แปลว่ามันมีความฉลาดไม่น้อยเลย
3. การส่ายหัวของโบโนโบ
ในขณะที่สัตว์ตัวอื่นๆนั้น อาจจะเป็นมิตรหรือซื่อสัตวืต่อมนุษย์ แต่มีสัตว์ประเภทหนึ่งที่ก้มีขอบเขตเหมือนๆกับมนุษยือีกด้วย เช่น โบโนโบ การศึกาานี้พบว่าการส่ายหัวของโบโนโบที่โตเต็มวัยยเมื่อมันไม่เห้นด้วยหรือไม่ยอมให้พวกที่อายุน้อยกว่าทำพฤติกรรมที่ไม่ชอบธรมม ตัวอย่างเช่น หลังจากที่แม่โบโนดบนั้นคว้าก้านต้นหอมออกจากมือลูกน้อยที่ดูเหมือนจะเล่นกับสิ่งควรจะเป็นอาหาร เจ้าหนูน้อยนั้นก็แน่นอนว่าต้องการก้านต้นหอมคืนเพื่อจะเล่นต่อแต่ตัวแม่นั้นส่ายหัวเหมือนกับจะพูดว่า "ไม่ได้" ยังไงอย่างนั้น การศึกษาก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตว่าโบโนโบส่ายหัวเพื่อเล่นกันเท่านั้น ซึ่งการค้นพบครั้งใหม่นี้แสดงให้เห็นว่าการส่ายหัวของโบโนโบอาจจะเป้นที่มาของการส่ายหัวเพื่อบ่งบอกถึงการแสดงออกทางด้านลบในมนุษย์
4. หน้าตาของหนู
หน้าตาของหนูเปลี่ยนไปตามอารมณ์ของมันได้!! นักวิทยาศาสตร์ได้ถ่ายวีดีโอการเคลื่อนไหวใบหน้าของหนูหลังจากที่โดนฉีดสารที่ทำให้ระคายเคืองเข้าไป เมื่อเจ้าหนูรู้สึกเจ็บปวด มันจะทำหน้าไม่สบายใจโดยการหรี่ตาลง,ป่องแก้ม,ขยับหูและขยับหนวดขึ้นหรือลง หลังจากที่เจ้าหนูได้รับยาแก้เจ็บปวดใบหน้าของมันก็จะเป็นปรกติ การทดลองนี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สร้างเครื่องวัดความเจ็บปวดของหนูขึ้นมาเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถลดความเจ็บปวดของสัตว์ทดลองเหล่านี้ในการทดลองทางการแพทย์ในภายภาคหน้าได้
5. การไว้ทุกข์ของชิมแปนซี
การศึกษาเกี่ยวกับการไว้ทุกข์ของชิมแปนซีนั้นเผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่มากกว่าที่เราคิดไว้ การศึกษานี้ได้สำรวจจากพฤติกรรมของชิมแปนซีโตเต็มวัย 3ตัวที่มีต่อเพื่อนตัวเมียอายุมากที่กำลังจะเสียชีวิต หลังจากที่พวกมันรู้ว่าเพื่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ พวกมันได้แสดงพฤติกรรมไว้ทุกข์อย่างหลากหลาย โดยเหล่าชิมแปนซีนั้นจะอยู่ข้างๆเพื่อนและสางผมมันเบาๆอย่างกลับว่าจะปลอบ เมื่อเหล่าชิมแปนซีพักผ่อนตอนกลางคืน พวกมันจะขยับพลิกตัวไปมาซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่สบายใจเกี่ยวกับความตายที่กำลังใกล้เข้ามา เมื่อเห็นเพื่อนตาย เหล่าชิมแปนซีนี้ก็พยายามจะทำให้เพื่อนฟื้นขึ้นมา และเมื่อพวกมันรู้ว่าเพื่อนได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เหล่าชิมแปนซีนั้นก็ได้ออกห่างจากร่างไร้วิญญาณนั้นอย่างช้าๆ และพวกมันก็จะเข้าใกล้ร่างนั้นอีกครั้งเพื่อพยายามทำให้เพื่อนฟื้นอีกครั้งหรือไม่ก็เข้ามาเพื่อเช็กให้แนฃ่ใจว่าเพื่อนตายไปแล้ว หลังจากนั้นเหล่าชิมแปนซีก็จะปัดเศษฟางออกจากหน้าและสางขนให้ การค้นพบนี้ทำให้รู้ว่าการไว้ทุกข์และบอกลาจะเป็นผลดีมากกว่าที่จะปล่อยให้ชิมแปนซีจากไปจากฝูงอย่างเป็นธรรมชาติ
วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557
นิยม "สัตว์แปลก"
มาดูกันว่าสัตว์แปลกๆที่คนนิยมเลี้ยงกันในตอนนี้มีอะไรบ้าง แต่ถึงจะเป็นสัตว์แปลกแต่มันก็มีความน่ารักจนทำให้มีคนซื้อมันไปเลี้ยงไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ก็ตามค่ะ
ลองมาดูกันว่าสัตว์แปลกที่คนนิยมเลี้ยงกันนั้นมีอะไรบ้าง
1. เม่นแคระ
เม่นแคระถึงแม้จะมีหนามทั่วทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายกับผู้เลี้ยงเจ้าตัวนี้แน่นอน หากจับเจ้าเม่นแคระอย่างถูกวิธี ความน่ารักของเจ้าเม่นแคระตัวนี้อยู่ที่มันมีขนาดเล็กพอเหมาะ จนตอนนี้เม่นแคระนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก
2. ชูก้าไกเดอร์
ชูการ์ไกลเดอร์ หรือ ที่บางครั้งเรียกกันว่า จิงโจ้บิน จัดเป็นสัตว์ประเภทจิงดจ้ เพราะตัวเมียจะมีกระเป๋าหน้าท้อง ใช้สำหรับให้ลูกอ่อนอยู่อาสัยจนกว่าจะโตเต็มที่
3. เวล คาเมเลี่ยน
คาเมเลี่ยนจัดเป็นสัตว์ตระกูลกิ้งก่าที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้เลี้ยงในไทยมาก เพราะคาเมเลี่ยนมีสีที่สวย และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศของเมืองไทยได้เป็นอย่างดี
4. ชินชิล่า
เจ้าสัตว์ตัวนี้มีขนฟูน่ารักไม่เบา แต่การเลี้ยงต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะชินชิล่าเป็นสัตว์เมืองหนาว อาจไม่ชินกับอากาศเมืองไทย และต้องให้อาหารทีละน้อยๆ เพราะชินชิล่าทานไม่เยอะ
5. ลิงมาโมเสท
มาโมเสทเป็นลิงที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาใต้ จัดเป็นลิงที่ขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่แม้จะตัวจิ๋วๆ อย่างนี้เถอะ ราคาไม่จิ๋วตามตัวนะ เพราะราคาของลิงมาโมเสทอยู่ที่หลักหมื่นเลยทีเดียววันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557
การดูแลฟันให้น้องหมา
นอกจากการดูแลรักษาความสะอาดโดยการอาบน้ำ ตัดขน ตัดเล็บแล้ว การดูแลสุขภาพช่องปากของเจ้าตูบหรือสุนัขที่เรารักนั้นก็สำคัญนะค่ะ วันนี้จึงเอาวิธีการดูแลฟังของเจ้าตูบมาฝากกัน
เวลาที่แปรงฟันนั้น ขนแปรงจะช่วยกวาดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันออกได้ และจะช่วยขัดฟันให้สะอาด การใช้แปรงสีฟันของคนไปถูฟันของสัตว์นั้นอาจจะช่วยได้ แต่ไม่ดีนัก เพราะมียาสีฟันบ้างตัวที่อาจจะไม่เหมาะกับสัตว์
สเปรย์ทำความสะอาดฟันหมา
เจ้าตูบบ้างตัวอาจไม่ชอบการแปรงฟัน การหันมาใช้สเปรย์ทำความสะอาดฟันเป้นทางเลือกที่ดีเลยที่เดียว เพราะสเปรย์จะช่วยละลายคราบอาหารบนฟันและลดการสะสมของแบคทีเรียได้
อาหารขจัดคราบหินปูน
มีผลการวิจัยออกมาว่า การให้อาหารขจัดคราบหินปูนกับสุนัขทุกวันนั้น ทำให้สุนัขมีสุขภาพฟันที่ดีกว่าการแปรงฟันสะอีก
รู้อย่างนี้แล้วเพื่อนอย่าลืมดูแลฟันของเจ้าตูบที่เรารักด้วยนะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : http://animals.spokedark.tv/2013/02/28/dogfangcare/#.U98mAeN_t8E
วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557
มารู้ "ภาษาหมา" กันเถอะ
สุนัขสื่ออะไรกับเรา
สุนัข หรือ หมา ของเรานั้นไม่อาจพูดคุยกับเราได้ แต่เค้าก็มีการส่งภาษาและท่าทางให้เรารับรู้และเข้าใจได้ดี และยิ่งเราคุ้นเคยกับเค้ามากๆก้จะยิ่งทำให้เข้าใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง หรือการแกว่งหาง อาจแปลความหมายได้หลากหลายความหมายแล้วแต่สถาณการณ์ มีผลวิจัยออกมาว่าเจ้าตูบของเรานั้นมีความฉลาดหรือการจดจำคำพูดของเราเทียบเท่าเด็ก 2 ขวบเลยทีเดียว เราอาจจะต้องมีการเรียนรู้ภาษาหมาหมาไม่มากก็น้อย เพื่อจะได้ทราบถึงสิ่งที่เจ้าตูบอยากบอกให้เราเข้าใจ
http://www.girlzeed.com/view_forward.php?id=4452
http://www.mylovegolden.com/mcontents/marticle.php?Ntype=1&id=69091
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557
10 สุนัขพันธุ์เล็กที่น่าเลี้ยง
![]() |
สุนัขพันธุ์เล็กที่น่าเลี้ยง |
1. ชิสุ (Shih Tzu)
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ชิสุ
มีลักษณะนิสัย กล้าหาญ มีความตื่นตัว ขี้ประจบ มีความสง่าอยู่ในตัว เดินหน้าเชิด การย่างก้าวสง่าผ่าเผย นอกจากนี้ ชิสุ ยังรักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคน ปรับตัวได้ดี และชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ กับเจ้าของในทุกเรื่อง แล้วก็ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน ชิสุชอบวิ่งและรักความสนุกซึ่งเจ้าของจำเป็นจะต้องพามันออกไปวิ่งออกกำลังกายบ้าง
อาจเป็นเพราะลักษณะนิสัย ขี้ประจบ และขี้เล่นของเจ้าสุนัขตัวน้อย "ชิสุ" นี้ จึงทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่หลงไหลในความน่ารักของเจ้า "ชิสุ" นี้เอง
2. ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian)
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน
ปอมเมอเรเนียน เป็นสุนัขที่มีขนาดกะทัดรัด ว่องไวปราดเปรียว มีขนชั้นในที่แน่นและนุ่ม และมีขนชั้นนอกที่หยาบกว่าชั้นใน หางสวยงามเป็นพวงขน และตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง หางจะขนานไปกับหลัง โดยลักษณะนิสัยพื้นฐานของปอมเมอเรเนียนนี้ คือ จะตื่นตัวเสมอ เห่าเก่ง มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น อวดดี สง่างาม และขณะก้าวย่างแสดงถึงความมีชีวิตชีวา เป็นพันธุ์สมบูรณ์ทั้งรูปร่างและการเคลื่อนไหว
เพราะ"ปอมเมอเรเนียน" เป็นสุนัขตัวเล็กๆ ขนฟูๆ หางเป็นพวง จมูกแหลมๆ ตาแป๋วเป็นประกาย ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องอยากจับ อยากสัมผัสความน่ารักแบบใกล้ชิด จึงทำให้สุนัขพันธุ์นี้มีความนิยมไม่น้อยเช่นกัน
3. พุดเดิล (Poodle)
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล
สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล ขึ้นชื่อว่าฉลาด ฝึกง่าย สอนง่าย ขี้อ้อน และประจบเก่งเป็นที่สุด แถมยังอดทนไม่ขี้แย เลี้ยงง่าย เห่าเก่ง มีนิสัยรักสวยรักงาม ชอบเสริมสวย ชอบเที่ยว และเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวได้เร็ว มันจึงกลายเป็นหวานใจตัวจ้อยของหลายๆครอบครัว เพราะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมยังมีลักษณะเป็นเหมือนเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต สดใสมีชีวิตชีวา
4. ปั๊ก (Pug)
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ปั๊ก
สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยงกันมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีนิสัยน่ารัก มีความร่าเริงที่ไม่เหมือนใครและอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ถึงหน้าตาของ"ปั๊ก"เขาจะดูเหมือนคิดมากไปสักหน่อย แต่ถ้าได้ลองเลี้ยงแล้วจะหลงใหลไม่รู้ตัว
แม้สุนัขพันธุ์นี้จะไม่ต้องการการดูแลเสริมสวยให้ยุ่งยากมากนัก แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาความสะอาดทุกวัน อีกทั้งการดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการออกกำลังกาย ก็เป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ปั๊กจะไม่ใช่สุนัขที่รักกีฬา แต่การพาเขาไปออกกำลังกายให้พอเพียง ก็จะช่วยให้เขาไม่อ้วนและกลายเป็นสุนัขที่เฉื่อยชาจนเกินไป
5. ชิวาวา (Chihuahua)
ชิวาวา จัดได้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก หลายๆคนลงความเห็นว่าสุนัข"ชิวาวา" มีนิสัยที่ค่อนข้างติดเจ้าของและ ขี้ประจบมาก ขี้อ้อน บางครั้งก็เป็น สุนัข ที่หยิ่งในตัว ถ้าไม่ใช่เจ้าของจะไม่ให้จับต้อง ปากเปราะเห่าเสียงดังเหมือน สุนัข พันธุ์เล็กตัวอื่น ๆ ทำให้ สุนัข ชิวาวา เหมาะที่จะเลี้ยงไว้สำหรับเป็นเพื่อนมากกว่าหมาเฝ้าบ้าน
ในปัจจุบันสุนัขพันธุ์ชิวาวากำลังเป็นที่นิยมกันมากของเหล่าผู้ที่รักสุนัข เพราะด้วยขนาดตัวของมันและอุปนิสัยที่ขี้เล่น น่ารัก ผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมนำเจ้าชิวาวามาเลี้ยงนั่นเอง
6. เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog)
ฉลาด กล้าหาญ ร่าเริง ชอบเล่น ชอบออกกำลังกาย และตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นมิตร เข้ากับคนและสัตว์อื่น ๆ ได้ดี เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขที่เห่าน้อย ไม่ทนต่ออากาศร้อน โดยเฉพาะตัวที่นำเข้าจากต่างประเทศ อาจจะยังปรับตัวไม่ได้ แต่สำหรับสุนัข เฟรนช์ บูลด็อก ที่เกิดในเมืองไทยจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสภาวะอากาศเท่าไรนัก เจ้าตูบตัวนี้มันไม่ชอบการถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย
7. แจ็ครัสเซลล์เทอร์เรีย (Jack Russell Terrier)
สุนัขพันธุ์นี้เป็นนักล่าตัวเล็ก ๆ ที่ยอดเยี่ยม พวกมันเป็นสุนัขที่ฉลาด ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่เขาเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายได้อย่างน่าประทับใจ
นอกจากนี้ สุนัข แจ๊ค รัสเซลล์ ยังเข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ เหมาะเป็นทั้งสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน และก็สามารถพาออกไปนอกบ้านได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ด้วยธรรมชาติความอยากรู้อยากเห็นจนถึงขั้นซนของ แจ็ค รัสเซลล์ ทำให้ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องให้เขาอยู่ในสถานที่ที่ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดเป็นอย่างดี
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย
นอกจากนี้ สุนัข แจ๊ค รัสเซลล์ ยังเข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ เหมาะเป็นทั้งสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน และก็สามารถพาออกไปนอกบ้านได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ด้วยธรรมชาติความอยากรู้อยากเห็นจนถึงขั้นซนของ แจ็ค รัสเซลล์ ทำให้ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องให้เขาอยู่ในสถานที่ที่ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดเป็นอย่างดี
8. ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier)
ยอร์คเชียร์ เป็นสุนัขตัวเล็กที่เปี่ยมด้วยพลัง ชอบเล่น และอยากรู้ อยากเห็น นอกจากนั้น ยังชอบผจญภัย รักอิสระ และไม่ค่อยรู้จักความกลัว ด้วยความเป็นสุนัขที่มีนิสัยกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวใคร ทำให้ยอร์คเชียร์มักไม่สนใจว่าตัวเองนั้นตัวเล็กกระจิดริดแค่ไหน เมื่อเจอคนแปลกหน้า ยอร์คเชียร์จึงพร้อมที่จะเห่าเตือนเจ้าของเสมอ เพราะน่ารักและขี้เล่นแบบนี้จึงทำให้เจ้าของรักเจ้าของหลง
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง
9. ปักกิ่ง (Pekingese)
สุนัข พันธุ์ปักกิ่งมีบุคลิกแบบสวย เริ่ด เชิด และหยิ่งในศักดิ์ศรี พร้อมด้วยอาการดื้อดึงแต่พองาม เป็นสุนัขที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีท่าทีการเคลื่อนไหวอย่างสง่างามระเหิดระหง อารมณ์ดีแต่สงบเงียบ ไม่เอะอะโวยวายหรือร่าเริงเกินเหตุ แต่ก็ใช่ว่าจะนิ่งจนน่าเบื่อ ถ้าอยู่กับเจ้านายหรือผู้ที่คุ้นเคยมันก็จะเล่นด้วยอย่างสนุกสนานน่ารัก นอกจากนี้ปักกิ่งยังเป็นสุนัขที่กล้าหาญ ไม่เคยมีประวัติเรื่องวิ่งหนีหางจุกตูด เป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรง ทรหดอดทนและเลี้ยงง่าย ทั้งยังเป็นมิตรและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของอย่างยิ่งด้วย
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล
10. บีเกิล (Beagle)
บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่สุภาพ พวกมันค่อนข้างเป็นมิตร ไม่ดุร้ายเกินไปหรือเฉื่อยชาเกินไป ชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม แต่มันก็เชื่องคนง่ายเกินจึงไม่เหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน ทว่ามันยังคงเห่าหรือหอนบ้าง เมื่อเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า แม้ว่าบีเกิ้ลจะมีพลังเห่าหอนอันรุนแรง แต่ไม่ใช่บีเกิ้ลทุกตัวที่จะหอน แต่ส่วนมากจะเห่าเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งบางตัวจะเห่าหรือหอน เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งโดยเฉพาะ
นอกจากนี้บีเกิ้ลยังเป็นสุนัขที่เหมาะกับเด็กๆเข้ากับเด็กๆในบ้านได้ดี ไม่พบประวัติการทำร้ายเด็ก บีเกิ้ลจึงเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันในครอบครัว และบีเกิ้ลยังเข้ากับสุนัขสายพันธุ์อื่นได้ง่ายอีกด้วย
นอกจากนี้บีเกิ้ลยังเป็นสุนัขที่เหมาะกับเด็กๆเข้ากับเด็กๆในบ้านได้ดี ไม่พบประวัติการทำร้ายเด็ก บีเกิ้ลจึงเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันในครอบครัว และบีเกิ้ลยังเข้ากับสุนัขสายพันธุ์อื่นได้ง่ายอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.pet.kapook.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)